Showing posts with label Jira. Show all posts
Showing posts with label Jira. Show all posts

JIRA: Screen Adjust

เรื่องนี้ค่อยข้างซับซ้อนนิดนึง แต่ก็ไม่ยากเกินความเข้าใจ
เริ่มต้นจาก แต่ละ issue เราสามารถกำหนดได้ว่าจะให้เป็น issue ประเภทไหน หรือว่า เป็น issue type ไำหน เมื่อกำหนดแล้ว เราก็สามารถกำหนดได้ด้วยว่า แต่ละ issue type จะให้แสดงผลอย่างไร นี่คือที่มาบอก issue type screen scheme

สมมุติเริ่มแรก เราก็จะต้อง design ก่อนว่า จะให้หน้าตา JIRA เราีมี screen อะไรบ้าน มีหน้าตาอย่างไร เราสามารถเข้าไปดูหน้าตาที่เราเคยกำหนดไว้ใน JIRA ก่อนได้ โดยจาก tool bar ด้านบน click Administrator
และ เลือกเมนู Issue Fields > Screens ทางด้านซ้าย



จะเห็นว่ามี screen เดิมอยู่บางส่วน เราสามารถ add screen ใหม่ หรือว่าเลือก config screen เดิมก็ได้ ถ้าหลังจากเรา add screen ใหม่เรา เราก็สามารถ config screen ได้ ดังรูป



เราสามารถเลือกใส่ฟิลด์ใหม่ๆ เข้ามาแสดงผลบนหน้าจอ หรือว่าจะแก้ไขลำดับการแสดงผลของแต่ละฟิลด์ก็ได้

กำหนด screen สำหรับแต่ละ operation
เมื่อเราสร้าง screen เรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องมากำหนด screen scheme ซึ่งเป็นการกำหนดว่า operation แต่ละอย่าง เช่น create, view และ ตอน edit issue จะให้แสดงหน้าจอแแบบไหน ( โดยไปที่ Administrator เลือกเมนู Issue Fields > Screen Scheme



เช่นเดียวกัน เราสามารถสร้าง screen scheme ใหม่ หรือว่า config อันเดิมก็ได้ ถ้าเรา config อันเดิม ก็จะแสดงหน้าตาดังนี้



จะเห็นว่าด้านล่าง เราสามารถเพิ่มได้ว่า operation อะไร แสดงหน้าจออย่างไร

สำหรับ function นี้ จะไม่มีใน Enterprise Edition ค่ะ เพราะว่าใน Enterprise จะใช้ Issue Type Screen Scheme แทน ถึงกำลังจะกล่าวถึงต่อไปค่ะ

กำหนด screen สำหรับแต่ละ issue type
เช่นเดียวกับ operation เราสามารถกำหนดว่าแต่ละ issue type จะแสดงผลอย่างไรได้ ผ่านทาง issue type screen scheme โดยเลือกเมนู Issue Fields > Issue Type Screen Scheme เช่นเดิม



จากหน้านี้ถ้าเราแก้ไข config ของ screen scheme เดิม เราก็จะเห็นว่าในหน้าจอเปิดให้เราสามารถเลือกได้ว่า issue type อะไรจะแสดงผลโดยใช้ screen ไหน



ก็เอาเป็นว่าคร่าวๆ เป็นดังนี้แล ก็จะเห็นได้่ว่า JIRA ค่อนข้างจะสามารถปรับแต่งได้เยอะทีเดียว ก็คงพอเข้าใจกันมากขึ้นนะค่ะ

Jira: Project management

เราสามารถใช้ Jira ในการบริหารงานต่างๆ ในโปรเจคได้ แต่ก่อนที่จะใช้โปรเจคควบคุมงานต่างๆ ก็จะต้องกำหนดโปรเจคก่อน สามารถกำหนดได้หลายอย่าง
  • Issue Type Scheme เป็น scheme ที่บอกว่าใน scheme ประเภทนี้จะมี issue type อะไรบ้าง
  • Notification Scheme ลักษณะการ notify เช่นอยากให้ส่งเมล์เมื่อมีการส่งงานไปให้สมาชิกในโปรเจค
  • Permission Scheme กำหนดการเข้าขึ้นข้อมูลในโปรเจค
  • Issue Security Scheme กำหนดระดับการป้องกัน
  • Issue Type Screen Scheme เป็นการบอกว่า แต่ละ issue ที่เราใช้จะแสดงผลอย่างไร อันนี้รายละเอียดค่อนข้างยาว ไว้จะลองเขียนถึงครั้งถัดไปนะฮับ (ถ้ามีเวลา)
  • Workflow Scheme กำหนดลำดับการเปลี่ยน issue status ของแต่ละ issue type
  • Project Team กำหนดสมาชิกในโปรเจคว่าจะทำหน้าที่ใน role อะไร ซึ่งจะเชื่อมโยงกับการให้สิทธิ์ใน Permission Scheme ด้วย
  • Component ว่าในโปรเจคที่ทำอยู่จะประกอบไปด้วย module อะไรบ้าง
  • Version กำหนด version ของโปรแกรมที่จะออกมา ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยในการทำ release notes ของแต่ละ version ได้ด้วย
ก็จะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้วว่า Jira ไว้ทำอะไร ถ้าอยากรู้รายละเอียดก็ต้องลองหามาใช้กันดูนะจ๊ะ แต่ว่าโปรแกรม Jira ไม่ได้ฟรีนะ บริษัทไหนอยากใช้ก็ต้องลงทุนกันหน่อย

ก็จะขอจบในส่วนนี้ไว้เท่านี้แหละ เนื่องจากโปรแกรมไม่ฟรี ก็จะมี document ค่อยข้างดี ที่บริษัททำไว้ให้สำหรับลูกค้าอยู่แล้ว

Reference
Jira project mangement

Jira: Start, stop process and check status

Jira has start/stop script in $JIRA_HOME/bin directory. So it's easy.

To start, just run (on Linux or Windows use startup.bat instead)

> ./startup.sh

To stop, just run (on Linux or Windows use shutdown.bat instead)
> ./shutdown.sh

To check jira process, you can check process with grep jira that has –Datlassian.standalone=JIRA

> ps -ef | grep jira

Jira: Workflow

ตัวอย่าง flow ด้านซ้ายเป็นการทำงาน สำหรับ Issue, Change Request หรือ Risk ส่วน flow ด้านขวาเป็นการทำงานของ Defect

Jira: Overview

Jira คือโปรแกรมที่ช่วยจัดการงานต่างๆ ในโปรเจค ใน Software Development project ส่วนใหญ่ก็จะประกอบไปด้วยงานหลายๆ งาน งานพัฒนาฟังก์ชั่นงานต่างๆ หรืองานทดสอบฟังก์ชั่นงานที่ได้พัฒนาขึ้น ซึ่ง Jira ช่วยในการติดตามงานต่างๆ และยังสามารถแบ่งงานออกเป็นเฟสต่างๆ หรือที่เรียกว่าเป็นแต่ละรีลิส (release) นอกจากนั้นยังสามารถสร้าง release notes ที่จะใช้เป็นเอกสารร่วมกันการ release

งานในแต่ละงานใน Jira แ่บ่งเป็นแต่ละประเภท ตัวอย่างเช่น
  • Bug ปัญหาการทำงานของโปรแกรม
  • Improvement งานที่จะ้ต้องพัฒนาให้ดีขึ้น
  • New feature ฟังก์ชั่นงานที่ต้องการจะเพิ่มเข้ามาในระบบ
  • Task งานทั่วไปที่จะต้องทำให้สำเร็จ
แต่ในการใช้งาน Jira เราสามารถปรับแต่งประเภทของงานได้ตามที่เราต้องการ ไม่จำเป็นต้องใช้ตามนี้ ตัวอย่างการปรับแต่งประเภทของงานนะค่ะ
  1. Project management type
    • Task - หมายถึงงานทั่วๆ ไป หรือปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขในโปรเจ็ค
    • Risk - งานที่ทำเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    • New Feature - หมายถึง การทำงานของโปรแกรมที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข

  2. Analysis and Design type
    • Story - งานที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ระบบ เช่นการทำ Use Case, Activity Diagram
    • Model - งานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบระบบ เช่น การทำ Class Diagram, Database Diagram

  3. Development type
    • Code - หมายถึงงานพัฒนาโปรแกรม

  4. Testing type
    • Test Event - หมายถึงการทำ Test Script
    • Test Execution - หมายถึงการตรวจสอบการทำงานของโปรแกรม โดย Test Script ที่ได้ทำจาก Test Event
    • Bug - ในกรณีที่ตรวจสอบแล้วพบข้อบกพร่องในการทำงาน ก็จะต้องสร้างเป็น Defect เพื่อส่งกลับไปให้นักพัฒนาระบบแก้ไข

  5. Deployment type
    • Release Task - เมื่อทดสอบและแก้ไขแล้ว ก็จะต้อง release หรือติดตั้งโปรแกรมบน server ซึ่งอาจจะเป็น development server หรือ production server ก็แล้วแต่ เรียกว่าเป็น Release Task

และความสำคัญ (Priority) ของแต่ละงานสามารถแบ่งได้ตามตัวอย่าง
  • Blocker เป็นงานที่ถ้าไม่ทำให้เสร็จ ก็จะกันไม่ให้งานอื่นๆ สำเร็จได้ คือเป็นงานที่ block ชาวบ้านนั่นเอง
  • Critical เป็นงานที่มีความสำคัญมาก ซึ่งทำให้การทำงานในฟังก์ชั่นใดๆ ไม่สามารถทำงานได้
  • Major เป็นงานที่มีผลกระทบกับการทำงานโดยรวม
  • Minor เป็นงานที่กระทบกับการทำงาน แต่น้อย ซึ่งโปรแกรมยังสามารถทำงานต่อไปได้
  • Trivial เช่นการแก้ไขคำผิด หรืองานใดๆ ที่ไม่มีผลต่อการทำงานของฟังก์ชั่น
งานแต่ละงานใน Jira จะเก็บรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นแล้วยังเก็บ หัวข้อ, รายละิเีอียดของงาน, ความคิดเห็นที่โต้ตอบไปมาเกี่ยวกับงานนั้นๆ และยังสามารถ attach file รายละเอียดหรือข้อมูลเพิ่มเติมในงานแต่ละงานได้ และเก็บเวลาที่ใช้ในการทำงานของแต่ละในงานหนึ่งๆ ได้ เพื่อใช้ในการประเมินงาน และเป็นสถิติของโปรเจคต่อไป

Jira ยังมีความสามารถอื่นๆ ที่ช่วยในการทำงานของโปรเจคได้ ดังจะเห็นว่าหลายๆ โปรเจค รวมทั้ง open source project ก็ยังนำโปรแกรมตัวนี้มาช่วยในการทำงาน เนื่องจากเป็น web application ทำให้ user ไม่ต้องลำบากในการลงโปรแกรม และยังเข้าถึงได้ง่าย

Reference:
Jira User's Guide: What's an Issue?